บทคัดย่อ :
การศึกษาวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อ 1) เพื่อสร้างและพัฒนารูปแบบการบริหารเพื่อส่งเสริมพัฒนาศักยภาพผู้เรียนด้านนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์อย่างเป็นระบบแบบองค์รวม โรงเรียนจารย์วิทยาคาร จังหวัดสุรินทร์ 2) เพื่อจัดการความรู้จากการพัฒนารูปแบบการบริหารเพื่อส่งเสริมพัฒนาศักยภาพผู้เรียนด้านนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์อย่างเป็นระบบแบบองค์รวม แล้วนำมาสร้างแบบปฏิบัติที่ดี (Best Practice) ในการส่งเสริมพัฒนาผู้เรียนให้มีความเป็นเลิศตามความถนัดและความสนใจนำไปสู่การพัฒนาทักษะวิชาชีพ เป็นนักคิด นักประดิษฐ์ พัฒนานวัตกรรมที่สร้างสรรค์ในอนาคต การวิจัยใช้วิธีวิจัยเชิงผสมโดยเป็นการวิจัยเชิงคุณภาพและการวิจัยเชิงปริมาณที่มีการทดลองและใช้เทคนิค การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม กลุ่มเป้าหมายการวิจัย ประกอบด้วยครูผู้สอนและนักเรียน โรงเรียนจารย์วิทยาคาร จังหวัดสุรินทร์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสุรินทร์ ระหว่าง ปีการศึกษา 2561 – ปีการศึกษา 2563
ผลการวิจัยพบว่า
1) รูปแบบการบริหารส่งเสริมพัฒนาศักยภาพผู้เรียนด้านนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์อย่างเป็นระบบแบบองค์รวม โรงเรียนจารย์วิทยาคาร จังหวัดสุรินทร์ ที่พัฒนาขึ้นมีองค์ประกอบที่สำคัญ 4 ประการ ได้แก่ การปรับกระบวนทัศน์ครูและนักเรียน การบริหารการเปลี่ยนแปลงสำหรับพัฒนาครูและนักเรียน การจัดกิจกรรมสำหรับพัฒนาครูและนักเรียน และกระบวนการบริหารจัดการสำหรับพัฒนาครูและนักเรียน
2) แบบปฏิบัติที่ดี (Best Practice) สำหรับพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้และทักษะนำไปสู่การพัฒนาสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมในการส่งเสริมพัฒนาผู้เรียนให้มีความเป็นเลิศตามความถนัดและความสนใจนำไปสู่การพัฒนาทักษะวิชาชีพเป็นนักคิดนักประดิษฐ์พัฒนานวัตกรรมที่สร้างสรรค์ พบว่าในด้านกระบวนการบริหารและการจัดการขับเคลื่อนการดำเนินงานโดยใช้รูปแบบ “JWK Model” และ ในด้านกระบวนการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญขับเคลื่อนการดำเนินงานโดยใช้รูปแบบ “JARNWIT Teaching Model”
3) ปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมพัฒนาศักยภาพผู้เรียนด้านนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ทำให้ประสบผลสำเร็จเกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน มี 3 ประการ ดังนี้
3.1 ผู้บริหารสถานศึกษา มีการสร้างความรู้ความเข้าใจวางแผนและดำเนินงานร่วมกับครูผู้สอนและนักเรียน ให้ความสำคัญการจัดการเรียนการสอนเพื่อฝึกทักษะการคิดแบบมีเหตุผลเป็นขั้นตอน (Coding) และการจัดการเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้าในเรื่อง ที่สนใจจากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ พร้อมทั้งสนับสนุนการทำงานอย่างจริงจัง
3.2 ครูผู้สอนมีการวางระบบทำงานร่วมกันเป็นทีม สะท้อนข้อมูลจากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนและการวัดผลคลินิกเชิงวิชาการ มาจัดทำวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน เชิงคุณภาพ อำนวยการจัดการเรียนรู้ที่ฝึกทักษะให้ผู้เรียนทำงานร่วมกันเป็นทีม เพื่อบูรณาการความรู้ ความสามารถ ดึงศักยภาพของผู้เรียนแต่ละคนออกมาทำงานร่วมกัน
3.3 การจัดการเรียนรู้ มีการออกแบบจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่มุ่งพัฒนาความรู้ความเข้าใจของผู้เรียนโดยเน้นการตั้งคำถามและการฝึกให้ผู้เรียนตั้งคำถามในกระบวนการค้นหาคำตอบของสิ่งที่อยากรู้โดยใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ สามารถสร้างความรู้ใหม่อธิบายหรือสรุปข้อค้นพบนั้นได้เอง แล้วพัฒนาความคิดถึงขั้นใช้ปัญญาสำนึก เพื่อการหยั่งรู้ในสิ่งที่สนใจและใช้กระบวนการสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพในการพัฒนาการจัดการเรียนการสอน ร่วมกับภาคีเครือข่ายการจัดการศึกษาจากภายนอกอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง
สรุปได้ว่า รูปแบบการบริหารเพื่อเสริมพัฒนาศักยภาพผู้เรียนด้านนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์อย่างเป็นระบบแบบองค์รวม โรงเรียนจารย์วิทยาคาร จังหวัดสุรินทร์ ที่พัฒนาขึ้นส่งผลให้ผู้เรียน เกิดกระบวนการเรียนรู้จากการมองปัญหาทุกแง่มุมอย่างรอบด้านโดยใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ เป็นฐานในการเรียนรู้ มีพัฒนาการด้านการคิดวิเคราะห์ การคิดเชิงระบบ มีจินตนาการในการคิดแก้ปัญหาแล้วนำมาประยุกต์สร้างพัฒนานวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ในประเด็นที่สนใจเพื่อนำไปใช้แก้ปัญหาและยกระดับพัฒนาคุณภาพชีวิตในชุมชนได้
|