[x] ปิดหน้าต่างนี้
Powered by ATOMYMAXSITE 2.5
:::โรงเรียนจอมพระประชาสรรค์ยินดีต้อนรับ:::
ยินดีต้อนรับคุณ บุคคลทั่วไป  
English Chinese (Simplified) Chinese (Traditional) French German Italian Japanese Korean Portuguese Russian Spanish Vietnamese Thai     
ค้นหา   
::: ยินดีต้อนรับสู่ เว็บไซต์โรงเรียนจอมพระประชาสรรค์ อำเภอจอมพระ จังหวัดสุรินทร์ 32180 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต33 กระทรวงศึกษาธิการ :::
เมนูหลัก
ภาระงานกลุ่มบริหาร






ภาระงานกลุ่มสาระ
















ภาระงาน จปส.


 






 



 




หลักสูตรลดเรียนเพิ่มรู้&บูรณาการ
กิจกรรมสาธารณะประโยชน์ IS3 
 








ห้องเรียนออนไลน์








 

poll

   คุณคิดว่าเวปนี้เป็นอย่างไร


  1. ดีเยี่ยม
  2. ดีมาก
  3. ดี
  4. ปานกลาง
  5. พอใช้


ช่องทางร้องทุกข์
ระบบสารสนเทศ





















  

   เว็บบอร์ด >> ห้องนั่งเล่น >>
เมื่ออายุไม่ใช่อุปสรรคต่อการไขว่คว้าความสำเร็จ  VIEW : 674    
โดย triangle

UID : ไม่มีข้อมูล
โพสแล้ว : 144
ตอบแล้ว :
เพศ :
ระดับ : 9
Exp : 69%
เข้าระบบ :
ออฟไลน์ :
IP : 184.22.145.xxx

 
เมื่อ : เสาร์์ ที่ 4 เดือน เมษายน พ.ศ.2563 เวลา 14:34:40    ปักหมุดและแบ่งปัน

เมื่ออายุไม่ใช่อุปสรรคต่อการไขว่คว้าความสำเร็จ

เมื่ออายุไม่ใช่อุปสรรคต่อการไขว่คว้าความสำเร็จ

"The King is dead, long live Prince Edward" ดิ อินดีเพนเดนท์ เขียนเอาไว้ แต่ตอนที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ประกาศว่า เท็ดดี้ เชอร์ริงแฮม เข้ามาแทน เอริค คันโตน่า เมื่อเดือนมิถุนายน ปี 1997 กลับไม่มีใครพอใจนัก

    หลายคนไม่เข้าใจว่าทำไม แมนฯ ยูไนเต็ด ถึงซื้อ เชอร์ริงแฮม จาก ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ส ด้วยค่าตัว 3.5 ล้านปอนด์

 มีข้อสงสัยเกิดขึ้นถึงการเซ็นสัญญาผู้เล่นวัย 31 ปี ที่แก่กว่า คันโตน่า เดือนเศษๆ และไม่เคยคว้าแชมป์ใดๆ ได้เลยแถมยิงประตูในพรีเมียร์ลีก ได้แค่ 7 ลูกเท่านั้นในซีซั่นก่อนหน้า

    ในซัมเมอร์เดียวกัน อินเตอร์ มิลาน ทุบสถิติคว้า โรนัลโด้ จาก บาร์เซโลน่า ด้วยค่าตัว 19.5 ล้านปอนด์ ขณะที่ ยอดทีมแห่ง โอลด์ แทรฟฟอร์ด พอใจกับการได้ตัว เชอร์ริงแฮม กับ เฮนนิง เบิร์ก แม้ว่า มาร์ติน เอ็ดเวิร์ดส์ ประธานบริหารของทีมจะคุยโวโอ้อวดว่าสโมสรยื่นข้อเสนอเป็นเงินเกิน 10 ล้านปอนด์ถึง 3 ครั้ง เพื่อขอซื้อกองหลังที่เล่นอยู่ในอิตาลีก็ตาม

    เอ็ดเวิร์ดส์ และ ยูไนเต็ด เจอกับข้อกล่าวหาจากแฟนบอลทีม ในเรื่องว่าขี้เหนียวเกินไปในการพยายามที่รักษามาตรฐานการเป็นทีมที่ดีที่สุดของ พรีเมียร์ลีก รวมถึงความยายามที่จะก้าวขึ้นไปเป็นแชมป์ทวีปยุโรป ซึ่งส่วนใหญ่ คนที่ตำหนิพวกเขาก็คือแฟนบอลของ แมนฯ ยูไนเต็ด เอง

    "ผมไม่คิดว่าจะมีใครที่จะแทนที่ เอริค คันโตน่า ได้"

    "พวกเขามีสไตล์ที่ต่างกันเล็กน้อย แต่เมื่อนักเตะชื่อดังออกไปก็มีนักเตะดังเข้ามา"

    "เราตามหาแนวรุกที่มีคุณภาพมาสักระยะแล้ว เราคิดกันว่ามันจะไม่มีทางเกิดขึ้น แต่มันก็เป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ที่รู้ว่า เท็ดดี้ มีความเป็นไปได้"

    "ราคาเดิมค่อนข้างจะแตะต้องไม่ได้ ประมาณ 6 ล้านปอนด์ แต่ เท็ดดี้ อายุแค่ 31 ปี ยังเหลือเวลาอีกเยอะสำหรับเขา" เอ็ดเวิร์ดส์ ระบุ

    อย่างไรก็ตาม เกมเปิดตัวในสีเสื้อ"ปีศาจแดง" ของ เชอร์ริงแฮม กลับเลวร้ายแบบไม่คาดคิด

    แมนฯ ยูไนเต็ด ลงดวลแข้งกับ สเปอร์ส ทีมเก่าของ เชอร์ริงแฮม และเขาก็ยิงลูกจุดโทษพลาดตอนที่เกมยังเสมอกัน 0-0

  ณ ตอนนั้นก็เกิดการเปรียบเทียบในแง่ลบระหว่างตัวเขากับ คิง คันโตน่า

    ถึงกระนั้น เชอร์ริงแฮม มีความมั่นใจมากพอที่จะกำจัดเสียงวิจารณ์ออกไป แต่มันก็ยังไม่ถึงขั้นทำให้เขาสามารถเข้าไปนั่งในใจของแฟนๆ แทน คันโตน่า ได้ หรือแม้แต่ตัวผู้จัดการทีมเอง

     ช่วงเวลาไม่ถึง 1 สัปดาห์หลังจาก เชอริงแฮม ประเดิมสนามให้กับทีม เฟอร์กูสัน ก็ส่งสารถึงอดีตนักเตะของเขา แถมถึงขั้นบอกด้วยว่าตัวแทนของเขาไม่สามารถทดแทนการหายไปของเขาได้

    "อย่างที่คุณทราบ เราเซ็น เท็ดดี้ เชอร์ริงแฮม เข้ามาแทนคุณ แต่ ณ ตอนนั้น เขาพบว่ามันยากที่จะหาพื้นที่ที่เขาเล่นได้เหมือน ท็อตแน่ม ซึ่งเป็นการเล่นตัวต่ำ ดังนั้นเราจึงต้องปรับตัวกัน"

    "บางครั้งผู้เล่นไม่ทราบหรอกว่ามันยากแค่ไหนที่จะเล่นในระดับของเรา ทุกๆ เกมมันเป็นเหมือนัดตัดเชือกบอลถ้วย ดังนั้นผมแค่หวังว่าเขาจะสามารถทำสิ่งนั้นให้กับเราได้"

   ทำประตูได้

    มันไม่ได้เกิดขึ้นเลยจะกระทั่งเกมที่ 4 ของเขา แต่หลังจากนั้น เชอร์ริงแฮม ก็ไร้สกอร์ในเดือนกันยายน ซึ่งทำให้ทุกคนกังวลมากโดยเฉพาะตัวผู้จัดการทีม

    อย่างไรก็ตาม ผู้จัดการทีมมีกำลังใจที่ดีจากการที่กองหน้าของเขาทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงฤดูใบไม้ร่วง  ในตอนที่ เท็ดดี้ ซัด 7 ประตูจาก 7 เกม โดยเริ่มจากประตูตีเสมอสุดล้ำค่านัดเจอ ยูเวนตุส 

    ประตูนั้น แสดงให้เห็นว่าทั้ง เท็ดดี้ และ ไรอัน กิ๊กส์ ต่างเข้าใจซึ่งกันและกัน โดย เชอร์ริงแฮม ที่อยู่บริเวณวงกลมกลางสนาม ผ่านบอลไปทางริมเส้นด้านซ้ายให้กับ กิ๊กส์ ก่อนที่ ปีกขนดก จะครอสบอลมาในกรอบเขตโทษ ซึ่ง เชอร์ริงแฮม วิ่งมาโฉบโหม่งเข้าประตู

    และหลังจากนั้น เชอร์ริงแฮม ก็ตอบแทน กิ๊กส์ ด้วยการแทงบอลต่อไปให้ แข้งหมายเลข 11 กระชากบอลเข้าเขตโทษและซัดเต็มข้อแสกหน้า อันเจโล่ เปรุซซี่ เป็นประตูที่ 3 ให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด

    แม้มิตรภาพกับ เดวิด เบ็คแฮม ที่มีเป็นทุนเดิมและความสัมพันธ์ที่เขาสร้างขึ้นกับ กิ๊กส์ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นมิตรกับ เชอร์ริงแฮม

    ความสัมพันธ์กับ โคล

    "ผมผิดหวังมากตอนที่ เท็ดดี้ เชอร์ริงแฮม เซ็นสัญญากับ ยูไนเต็ด เพราะผมไม่สามารถอยู่กับเขาได้" แอนดี้ โคล ยืนยันหลังจากทั้งคู่แขวนสตั๊ด

    "หลังจากที่เขาเซ็นสัญญา เราลงเล่นเกมกระชับมิตรที่ มิลาน ตอนปี 1997 เขาพูดอะไรบางอย่างในสนาม ซึ่งผมไม่ได้ชอบเท่าไหร่ -ผมพยายามที่จะช่วยคุณนะ- เขาบอกแบบนั้น แล้วผมก็ตอบไปว่า -ผมไม่ต้องการความช่วยเหลือของคุณ ไอกร๊วก-"

    มันเกิดจากคำปฏิเสธจาก เชอร์ริงแฮม ถึง โคล เมื่อตอนที่ฝ่ายหลังลงเล่นแทนตอนที่ลุกจากม้านั่งสำรองเพื่อลงเล่นเกมทีมชาตินัดแรกในนามทีมชาติอังกฤษ ที่พบกับ อุรุกวัย ตอนปี 1995

    "ผมพร้อมจะจับมือนะ แต่เขาปฏิเสธผม เขาปฏิเสธผมแบบไม่ใยดี ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่รู้เลย แล้วเขาก็เดินออกมา"

    อย่างไรก็ตาม แม้ทั้งคู่ไม่เคยสุงสิงอะไรกันตลอด 4 ปีที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด แต่ โคล และ เชอร์ริงแฮม ช่วยกันสร้างผลคุณภาพด้วยจำนวน 54 ประตูจาก 4,581 นาทีที่เล่นด้วยกัน โดยค่าเฉลี่ยประตูระหว่างทั้งคู่จะเกิดทุกๆ 84.8 นาที

    ถึงกระนั้น  ซีซั่นแรกกับ ยูไนเต็ด หากมองผลงานแบบเดี่ยวๆ ของ เชอร์ริงแฮม เขาทำประตูเฉลี่ยไม่ดีนัก โดยมีค่าเฉลี่ย 242 นาทีต่อ 1 ประตู ยิงได้ 9 ลูกในลีก น้อยกว่า โคล 6 ประตู และสุดท้ายปีนั้น อาร์เซน่อล คว้า ดับเบิล แชมป์ ไปครอง

    รับบทบาทเป็นเหมือนอะไหล่

    ซัมเมอร์ปี 1998 แมนฯ ยูไนเต็ด ทุ่มเงินซื้อ ดไวท์ ยอร์ค จาก แอสตัน วิลล่า ด้วยค่าตัว 12.6 ล้านปอนด์ และไม่ใช่แค่ว่าแข้งใหม่รายนี้จะโชว์ฟอร์มดีแค่ในสนาม แต่เขายังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับ โคล ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้จัดการทีมถวิลหา

    ในซีซั่นนั้น เชอร์ริงแฮม ออกสตาร์ทตัวจริงแค่ 10 เกมเท่านั้นจากทุกรายการและทำประตูเพียง 2 ลูกในพรีเมียร์ลีก แต่มันก็เป็นฤดูกาลที่เขาสามารถจารึกชื่อของตัวเองอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้

 ยูไนเต็ด กำลังไล่ล่า ทริปเปิ้ล แชมป์ ซึ่ง เฟอร์กูสัน ก็หมุนเวียนตัวผู้เล่นได้อย่างเพอร์เฟค ในช่วง 8 นัดสุดท้ายของฤดูกาลดังกล่าว เชอริงแฮม ได้ลงเล่นมากพอๆ กับที่เขาได้ลงเล่นในช่วง 30 นัดก่อนหน้านั้น

    เชอร์ริงแฮม ได้เป็นตัวจริงในเกมสุดท้ายที่ ยูไนเต็ด จำเป็นต้องชนะ สเปอร์ส เพื่อคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก

    อย่างไรก็ตาม ขณะที่ "ปีศาจแดง" ตามหลัง 0-1 เชอร์ริงแฮม ก็ถูกเปลี่ยนตัวออกทันทีที่จบครึ่งแรกโดยคนที่ลงแทนคือ โคล และ ศูนย์หน้าผิวสีก็ทำประตูชัยให้ทีมพลิกกลับมาชนะ 2-1 
    
    โดยส่วนตัว เชอร์ริงแฮม อาจไม่ได้พอใจมากนักแต่หลังสิ้นเสียงนกหวีดเกมนั้นก็ทำให้ แชมป์พรีเมียร์ลีก เป็นรางวัลระดับเมเจอร์รายการแรกในชีวิตของตัวเอง และช่วง 11 วันต่อมา เขาก็ได้เหรียญที่สองและที่สามในชีวิตซึ่งเป็นเกมที่ เชอร์ริงแฮม ไม่มีวันลืม

   ฮีโร่ นัดชิงฯ

    นัดชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน พักตัวหลักบางรายเพื่อเก็บไว้เกมนัดชิงฯ บอลยุโรป 

    เชอร์ริงแฮม ไม่ได้รับโอกาสในเกมนั้น เขานั่งเป็นตัวสำรอง โดยมอง โอเล่ กุนนาร์ โซลชา จับคู่กับ แอนดี้ โคล

    อย่างไรก็ตาม การที่ รอย คีน บาดเจ็บตั้งแต่ช่วงต้นเกม โอกาสก็มาถึง เชอร์ริงแฮม และสร้างความประทับใจให้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจากประตูที่เขารับบอลต่อจาก พอล สโคลส์ แล้วยิงผ่านตัว สตีฟ ฮาร์เปอร์ นายด่าน นิวคาสเซิล

allearsaudio.net